Dourthe
"หนึ่งในผู้ผลิตไวน์บอร์กโดซ์ที่มีคุณภาพเยี่ยมยอด และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก"
ผู้นำด้านคุณภาพ
Dourthe ถูกสร้างขึ้นที่แคว้นบอร์กโดซ์เมื่อปี ค.ศ. 1840 และเวลาต่อจากนั้นเพียงไม่นานเราได้กลายเป็นที่กล่าวขานในด้านความเป็นผู้นำของการผลิตไวน์ที่สร้างสรรค์ผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำเลิศ และได้กลายเป็นแบรนด์ที่ผู้ผลิตไวน์อีกหลายๆแห่งให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลากว่า 180 ปี เราไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาและสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ เป็นเหตุให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไม่มีใครเทียบได้
ปี ค.ศ. 1987 เราเชื่อว่าความสามารถของเราจะสามารถทำให้ไวน์บอร์กโดซ์พัฒนาไปอีกขั้น และเวลานั้นเองเราจึงได้สร้าง standard ใหม่ให้กับตลาดไวน์บอร์กโดซ์ ด้วยการนำเสนอ Dourthe No.1 ฺBlanc สู่ท้องตลาด ไวน์ตัวนี้คือไวน์ขาวที่มีความทันสมัยเหนือใคร และมีความ Dry
ในปีเดียวกันนั้นเอง เรายังได้ค้นพบหลักการหลายๆข้อที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้กับ partner growers ของเรา ซึ่งเราก็ได้ยืนเคียงข้างพวกเขาโดยเข้าให้การช่วยเหลือและให้คำแนะนำด้านการเพาะปลูกโดยเสมอมา ในขณะเดียวกันเรายังได้คิดค้นกรรมวิธีการผลิตใหม่ๆเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพของสินค้าของเราอีกด้วย Dourthe No. 1 Blanc ได้กลายเป็นที่กล่าวขานอย่างกว้างขวาง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หากแต่ว่านี่เป็นเพียงความสำเร็จเล็กๆสำหรับเรา และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้าง standard ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกันนั้น เรายังตระหนักอีกว่าหากเราต้องการที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเราจะต้องขยายอาณาเขตของเราให้กว้างขวางมากขึ้น และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายอาณาจักรของเราในปีต่อๆมา นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ที่เราได้ Chateau Belgrave มาครอบครอง เรายังได้ซื้อชาโตว์อีก 8 แห่งในช่วงเวลาเพียง 25 ปี
ในขณะที่เราต้องการที่จะรักษาไว้ซึ่งความแตกต่างในคาแรคเตอร์ของชาโตว์แต่ละแห่ง เราได้พัฒนาขั้นตอนการเพาะปลูก และการผลิตให้มี standard ที่เหมือนกันในทุกๆชาโตว์ของเรา
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2000 เราได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านการเพาะปลูกองุ่นอย่างลึกซึ้ง ในช่วงเวลานั้นเองที่เราได้ประสบความสำเร็จกับการค้นหาพื้นที่เพาะปลูกที่ให้ผลผลิตคุณภาพเหนือใคร ความมุ่งมั่นของเราในช่วงเวลานั้นมิใช่แค่การสานต่อความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเรา แต่เราต้องการที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆที่จะกลายมาเป็นผลงาน masterpiece ที่ไม่มีใครเทียบได้ เราจึงได้สร้างไวน์ Essence de Dourthe ขึ้นมา เราทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อที่จะเสาะหาพื้นที่ที่ดีที่สุด และกฏเหล็กในการสร้าง Essence de Dourthe ของเราก็คือการผลิตไวน์ที่แสดงออกถึงศักยภาพของพื้นที่บอร์กโดซ์ สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหนือความคาดหมายของพวกเราทุกคนไปอย่างมหาศาล โดยที่ Essence de Dourthe ได้ขึ้นไปเป็นหนึ่งในไวน์คุณภาพสูงที่ดีที่สุด ความสำเร็จต่างๆของเราจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากเราไม่มีความทุ่มเท, ความมุ่งมั่น และความคิดนอกกรอบ แบบที่เราเป็นมาตั้งแต่ต้น
ประวัติของเรา
นับตั้งแต่วันก่อตั้งของเรา Dourthe ยังคงรักษาไว้ซึ่งความมุ่งมั่นที่จะคิดนอกกรอบ และไม่ใช่เพียงแค่ผลิตไวน์ หากแต่ต้องเป็นไวน์ที่มีคุณภาพดีที่สุด และแสดงออกถึงความสง่างามของพื้นที่บอร์กโดซ์ได้อย่างชัดเจนที่สุด
1840
Pierre Dourthe เป็นเจ้าของโรงแรมในเมืองเล็กๆทางภาคใต้ของบอร์กโดซ์ที่มีชื่อว่า
Lit-et-Mixe ได้ตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจการค้าไวน์ขึ้น
ณ เวลานั้น เขาคาดไม่ถึงเลยว่าลูกหลานของเขาจะทำให้ Dourthe ได้มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยการผลิตไวน์บอร์กโดซ์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมเหนือใคร
1929
เวลาผ่านมาถึงรุ่นที่ 4 ของครอบครัว Roger และ Andreได้ซื้อ Chateau Maucaillou ในเมือง Moulis และได้สร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับธุรกิจครอบครัวของพวกเขาในอนาคต โดยที่กระบวนการผลิต ณ เวลานั้นจะเน้นไปทางการผลิตแบบธรรมชาติ
Dourthe ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่างจากผู้ผลิตไวน์รายอื่นๆในเมือง Quai de Chartrons ก็คือการย้ายไปสร้างอาณาเขตการผลิตไวน์ของพวกเขาอยู่ที่ใจกลางของเมือง Medoc โดยการตัดสินใจในครั้งนั้นทำให้ Roger และ Andre Dourthe มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์คุณภาพที่เป็นผลมาจากการคิดนอกกรอบ บวกกับพื้นที่เพาะปลูกที่ผลิตไวน์ได้อย่างยอดเยี่ยมเหนือใคร
1950
ความมุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่ง
1967
ความกว้างขวางในสังคมผู้ผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง และบทบาทที่สำคัญในตลาดไวน์บอร์กโดซ์ของเขาช่วยผลักดันให้ Dourthe เติบโตและขยายออกไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
1987
Dourthe เปิดตัว Dourthe N°1 Blanc
Dourthe ได้เปิดตัว Dourthe N°1 Blanc ซึ่งได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยม และยังสานต่อชื่อเสียงด้านความสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบของ Dourthe ไปอีกขั้น
Dourthe กลายเป็นผู้นำด้านความสร้างสรรค์ และได้รับความสนใจจากผู้ผลิตไวน์รายอื่นๆของบอร์กโดซ์เป็นอย่างมาก
1990
Dourthe ได้ซื้อ Chateau Pey La Tour,
Bordeaux Superieur และ Chateau La Garde,
Pessac-Leognan เพื่อขยายกำลังในการผลิต
1993
Dourthe เปิดตัว Dourthe N°1 Rouge
Dourthe เปิดตัว Dourthe N°1 Rouge และได้สร้าง barrel hall แห่งแรกในบอร์กโดซ์ขึ้นที่เมือง Parempuyre
Dourthe ได้ทำสัญญาเช่ากับ
Chateau Le Boscq
Dourthe เปิดตัวไวน์เกรดพรีเมียมมีชื่อว่า «Dourthe La Grande Cuvee» และได้เป็นเจ้าของ Chateau Le Boscq, Cru Bourgeois ในพื้นที่ Saint-Estephe
ผู้บริหารของบริษัททั้ง 3 คนได้ตัดสินใจซื้อหุ้นใหญ่ของบริษัท
2002
Dourthe เปิดตัว «Essence de Dourthe» ซึ่งเปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามของพวกเขา ไวน์ตัวนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในคุณภาพที่แท้จริงของ Dourthe
Dourthe ได้ครอบครอง Chateau Grand Barrail Lamarzelle Figeac, Saint-Emilion Grand Cru
2007
Dourthe กลายเป็นส่วนหนึ่งของ
Thienot Bordeaux-Champagnes
2014
หลังจากที่ Dourthe ได้เป็นผู้บริหาร Chateau Reysson มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 ในที่สุดก็ได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ
ประวัติของครอบครัว Dourthe เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 175 ปีที่แล้ว
1870
ลูกชายคนโตของเขามีชื่อว่า Jean ได้ขึ้นมาบริหารกิจการต่อ และได้ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บอร์กโดซ์
เวลาล่วงเลยจนมาถึงครอบครัวรุ่นที่ 5 พวกเขายังคงสานต่อความมุ่งมั่นของบรรพบุรุษของพวกเขา โดย Jean-Paul Jauffret, Pierre และ Philippe Dourthe ได้ตั้งความคาดหวังของพวกเขาไว้ว่า Dourthe จะกลายเป็นผู้ที่บุกเบิกตลาดใหม่ และพวกเขาจะทำให้ Dourthe มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยไวน์ระดับ prestigious ของพวกเขา
Jean-Paul Jauffret
ได้รับตำแหน่ง CEO ของ Dourthe
1979
Dourthe ได้สัญญาเช่า Chateau Belgrave
Dourthe เปิดตัว Beau Mayne
ด้วยความต้องการที่จะโปรโมทชื่อเสียงด้านความสร้างสรรค์ของพวกเขา Dourthe ได้เปิดตัวสินค้าใหม่คุณภาพพรีเมียมที่มีชื่อว่า "Beau Mayne" ในทุกวันนี้ Beau Mayne ได้รับความนิยมในวงการร้านอาหารเป็นอย่างมาก ในปีเดียวกันนั้น Dourthe ยังได้ครอบครอง Chateau Belgrave Grand Cru Classe ในพื้นที่ Medoc ความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของ Dourthe ได้ถูกส่งต่อมาเป็นทอดๆ มิใช่เพียงแค่บุคคลในครอบครัว แต่ยังถูกส่งต่อมายัง shareholder จากหลายประเทศ และคณะผู้บริหารรุ่นใหม่ของพวกเขาอีกด้วย
Dourthe ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตไวน์อันดับ 1
ของบอร์กโดซ์
1988
Dourthe ได้ครอบครอง Chateau Pey La Tour และ
Chateau La Garde
1995
Dourthe เปิดตัว
Dourthe La Grande Cuvée
1998
ผู้บริหารของบริษัททั้ง 3 คน: Jean-Marie Chadronnier, Patrick Jestin และ Xavier Gouvars ได้ตัดสินใจซื้อหุ้นใหญ่ของ Dourthe โดยที่พวกเขาได้เริ่มขยายไวน์ของ Dourthe ไปสู่ตลาดไวน์พรีเมี่ยมอย่างแพร่หลาย
Dourthe ทำสัญญาเช่ากับ Château Grand Barrail Lamarzelle Figeac
2005
Dourthe กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Thienot Bordeaux-Champagnes การลงทุนในครั้งนี้เป็นอีกสิ่งที่ตอกย้ำว่า Dourthe มีความคิดที่มองการณ์ไกลอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนโลกของไวน์ไปตลอดกาล Patrick Jestin ได้รับแต่งตั้งให้เป็น CEO ของ Dourthe
Estate อีก 3 แห่งในบอร์กโดซ์ที่เป็นทรัพย์สินของครอบครัว Thienot นั่นก็คือ Chateau Rahoul, Ricaud and Haut Gros Caillou จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Dourthe
ไวน์ของเรา
DOURTH No. 1
The Great Bordeaux by DOURTHE
N°1 มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน และไม่เหมือนใคร อาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีผู้ผลิตรายใดที่จะกล้าผลิตไวน์ด้วยวิธี และสไตล์แบบนี้มาก่อน Dourthe นักคิดนอกรอบ และนักสร้างสรรค์เป็นผู้ออกแบบทุกๆขั้นตอนของไวน์ใน Range นี้
ผลิตขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1988 จากการร่วมมือกันระหว่าง Dourthe และผู้ผลิตไวน์/ผู้ปลูกไวน์มืออันดับต้นๆของบอร์กโดซ์ N°1 เป็นผลงานที่เจิดจรัศเหนือใครในตลาด
ผลผลิตที่ถูกคัดเลือกมาจากพื้นที่ล็อตที่ดีที่สุด ผลองุ่นที่คุณภาพดีที่สุด และกระบวนการหมักบ่มที่พิถีพิถัน ทำให้ N°1 มีคุณภาพเหนือใคร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี
Sauvignon Blanc
Cabernet Franc
Merlot Cabernet Sauvignon
Semillon Sauvignon Blanc
Merlot Cabernet Sauvignon
Merlot Cabernet Sauvignon
Merlot Cabernet Franc
GRANDS TERRIORS
พื้นที่ปลูกไวน์ของบอร์กโดซ์ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่ยอดเยี่ยม และความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ที่ถูกสะท้อนผ่านไวน์จาก Appellation ต่างๆ Dourthe Grands Terroirs นำเสนอ Appellation ขึ้นชื่อจากหลายพื้นที่ให้กับผู้ที่หลงไหลในการดื่มไวน์ และยังเปิดโอกาสให้เราได้ลิ้มลองและ Explore คาแรคเตอร์ของพื้นที่ต่างๆของบอร์กโดซ์ผ่านไวน์ Range นี้อีกด้วย
Grands Terroirs เป็นผลจากการคัดเลือกผลผลิตในพื้นที่ต่างๆโดยนักรังษีวิทยาของ Dourthe ด้วยความพิถีพิถัน การคัดเลือกผลองุ่นจากมากกว่า 100 แห่งเพื่อสร้างไวน์ที่มีบาลานซ์ยอดเยี่ยม และมีคาแรคเตอร์ที่สะท้อนถึง Appellation ที่ชัดเจนในแต่ละพื้นที่ Grands Terriors คือผลงานการ
เบลนด์ไวน์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน มีบาลานซ์ที่ลงตัว เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติอันหอมหวนของผลไม้ แทรกไปด้วยแทนนินที่นุ่มนวล
Château Pey La Tour
AOC Bordeaux Supérieur
“ทั้งในบรรดาผู้ที่ดื่มไวน์จนมีความเชี่ยวชาญแล้ว และผู้ที่เริ่มหัดดื่ม พื้นที่ Bordeaux มักจะถูกมองอยู่เสมอว่าเป็นเมืองหลวงแห่งไวน์ Grand Cru Classé ซึ่งนับว่าเป็นชนชั้นสูงสุดแห่งไวน์ก็ว่าได้แถมยังมีราคาแพงลิบลิ่ว หารู้ไม่ว่าไวน์จากพื้นที่อื่นๆของ Bordeaux ที่ไม่ได้รับการเชิดชูเช่นเดียวกันก็มีศักยภาพในการผลิตไวน์ยอดคุณภาพไม่แพ้กัน (แถมในราคาที่จับต้องได้) และนี่คือเหตุผลที่เราตัดสินใจครอบครอง Château Pey La Tour ในปี ค.ศ. 1990 เรามุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าพื้นที่ที่สวยงามแห่งนี้ เมื่อนำมาประกอบกับสกิลการผลิตไวน์ที่ยอดเยี่ยมของเรา จะกลายเป็นไวน์ที่แสดงให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ที่สง่างาม
ของบอร์กโดซ์" Patrick Jestin
สำหรับ Château Pey La Tour กฏเหล็กในการปฏิบัติงานของเราคือการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราตระหนักถึงกฏเหล็กข้อนี้ในทุกๆกระบวนการผลิตไวน์ของเรา นับตั้งแต่ปี Vintage 2018 เป็นต้นมา ไวน์ Château Pey La Tour ทุกๆขวดได้รับการรับรองจาก Terra Vitis และ High Environmental Value(HVE) certifications
Our Estate
Our Estate
Our Vineyard
Our Estate
AOC Bordeaux
Reserve du Château AOC Bordeaux Supérieur
Château Belgrave
AOC Haut-Médoc - Grand Cru Classé 1855
"นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ที่เราได้เข้ามามีส่วนร่วมใน Château Belgrave เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากในอาณาจักรใหญ่สุดคลาสสิคแห่งนี้ ซึ่งมันยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาโตว์ที่ดีที่สุดในพื้นที่ Medoc อีกด้วย ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้ แม้จะนำมาซึ่งความเหนื่อยล้าเพื่อตามหาความสมบูรณ์แบบ เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างอธิบายไม่ถูกถึงความเหน็ดเหนื่อยในครั้งนี้ เราภูมิใจที่ได้สร้างสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของผืนแผ่นดินแห่งนี้ผ่านไวน์คุณภาพยอดเยี่ยมที่เต็มไปด้วยคาแรคเตอร์ของเรา" Patrick Jestin
หัวใจของ Château Belgrave คือความเคารพที่เรามีให้ต่อสิ่งแวดล้อม เราให้ความตระหนักถึงกฏเหล็กข้อนี้ในทุกๆกระบวนการผลิตไวน์ของเรา มิว่าจะเป็นผืนแผ่นดิน หรือผู้คนที่แชร์ผืนแผ่นดินนี้ร่วมกับเรา นับตั้งแต่ปี Vintage 2018 เป็นต้นมาไวน์ของ Château Belgrave ทุกๆขวดได้รับการรับรองจาก Terra Vitis และ High Environmental Value(HVE) certifications
Our Vineyard
Our Cellar
Our Estate
Our Vineyard
Grand Cru Classe En AOC Haut-Médoc
2nd Wine of Château Belgrave AOC Haut-Médoc
Château Le Boscq
AOC Saint-Estèphe - Cru Bourgeois Exceptionnel
"ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 เป็นต้นมา เราได้ใช้เวลาไปกับการซ่อมแซมปรับปรุงสถานที่ๆเราเรียกว่าเพชรเม็ดน้อยใน Saint-Estephe ของเราแห่งนี้ให้คืนสู่สภาพอันสง่างามอย่างที่ควรจะเป็น พื้นดินแห่งนี้มีความวิเศษอยู่ในตัวของมันอย่างน่าอัศจรรย์ พื้นที่ๆอยู่ขนาบข้างแม่น้ำ Gironde และสามารถมองลงมายังพื้นที่แสนจะสวยงามด้านล่าง นอกไปจากนั้นพื้นที่แห่งนี้ยังมีเรื่องราวที่เล่าสู่ต่อกันมาจากยุคโบราณกาลอีกด้วย Château Le Boscq ในทุกวันนี้ผลิตไวน์ที่มีความแตกต่าง เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม ผสานกันอย่างลงตัวกับความหนักแน่น และทรงพลังของ Saint-Estephe" Patrick Jestin
หัวใจของ Château Le Boscq คือความเคารพที่เรามีให้ต่อสิ่งแวดล้อม เราให้ความตระหนักถึงกฏเหล็กข้อนี้ในทุกๆกระบวนการผลิตไวน์ของเรา มิว่าจะเป็นผืนแผ่นดิน หรือผู้คนที่แชร์ผืนแผ่นดินนี้ร่วมกับเรา นับตั้งแต่ปี Vintage 2018 เป็นต้นมาไวน์ของ Château Le Boscq ทุกๆขวดได้รับการรับรองจาก Terra Vitis และ High Environmental Value(HVE) certifications
Our Team
Our Estate
Our Estate
Our Team
Cru Bourgeois Exceptionnel AOC Saint-Estèphe
2nd Wine of Château Le Boscq AOC Saint-Estèphe
Château La Garde
AOC Pessac-Léognan
"เราซื้อ Château La Garde มาเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ.1990 โดยสิ่งที่ดึงดูดเราเป็นอย่าง
มากก็คือคุณภาพของพื้นดินของที่นี่ ผมคิดว่ามันคือหนึ่งในพื้นที่ๆดีที่สุดในบรรดาพื้นดินหินกรวดในพื้นที่ Pessac-Léognan นี่คือโปรเจคทีออกจะดูทะเยอทะยาน ซึ่งก็ดูจะเหมาะกับผืนแผ่นดินที่น่ามหัศจรรย์แห่งนี้แล้วไม่ใช่หรือ เราลงทุนไปก็มากทั้งเงิน และเวลา แต่เราคิดว่ามันคุ้มมากๆกับสิ่งที่เราได้กลับคืนมา ตอนนี้ไวน์คุณภาพสุดยอดเยี่ยมของโลก เต็มเปี่ยมไปด้วยความสง่างามถูกผลิตจากสถานที่แห่งนี้" Patrick Jestin
หัวใจของ Château La Garde คือความเคารพที่เรามีให้ต่อสิ่งแวดล้อม เราให้ความตระหนักถึงกฏเหล็กข้อนี้ในทุกๆกระบวนการผลิตไวน์ของเรา มิว่าจะเป็นผืนแผ่นดิน หรือผู้คนที่แชร์ผืนแผ่นดินนี้ร่วมกับเรา นับตั้งแต่ปี Vintage 2018 เป็นต้นมาไวน์ของ Château La Garde ทุกๆขวดได้รับการรับรองจาก Terra Vitis และ High Environmental Value(HVE) certifications
Our Estate
Our Estate
Our Management Team
Our Estate
Grand Vin de Graves AOC Pessac-Léognan
Château Grand Barrail
Lamarzelle Figeac
AOC Saint-Emilion - Grand Cru
"Château Grand Barrail Lamarzelle Figeac ตั้งอยู่บนพื้นที่ๆเต็มไปด้วยถ่านหินผสมดินเหนียว มีชื่อเรียกว่า “Graves de Saint-Emilion” มีความยาวตั้งแต่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน Saint-Emilion จนถึงพื้นที่ Libourne และ Pomerol. นับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงทุกวันนี้ พื้นที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ผลิตไวน์ยอดคุณภาพที่มีความสง่างงามเหนือใคร เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานที่แห่งนี้เมื่อปี ค.ศ. 2005" Patrick Jestin
หัวใจของ Château Grand Barrail Lamarzelle Figeac คือความเคารพที่เรามีให้ต่อสิ่งแวดล้อม เราให้ความตระหนักถึงกฏเหล็กข้อนี้ในทุกๆกระบวนการผลิตไวน์ของเรา มิว่าจะเป็นผืนแผ่นดิน หรือผู้คนที่แชร์ผืนแผ่นดินนี้ร่วมกับเรา นับตั้งแต่ปี Vintage 2018 เป็นต้นมาไวน์ของ Château Grand Barrail Lamarzelle Figeac ทุกๆขวดได้รับการรับรองจาก Terra Vitis และ High Environmental Value(HVE) certifications
Our Cellar
Our Estate
Our Estate
Our Cellar
Grand Cru AOC Saint-Émillon